Search Results
พบ 140 ผลลัพธ์เมื่อไม่ระบุค่าการค้นหา
- เปิดตัวเครือข่ายสถานีชาร์จรถไฟฟ้า EV สาธารณะ
นวัตกรรมการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของประเทศไทย ร่วมด้วยกลุ่มพันธมิตรผู้ร่วมริเริ่มการปฏิวัติวงการเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ร่วมด้วยบริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด Greenlots เซ็นทรัลกรุ๊ป และบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งประวัติการณ์ เพื่อสานต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการพัฒนาและการรับรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในประเทศไทย ข้อตกลงดังกล่าวนำไปสู่การเปิดตัว ChargeNow เครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดหรือรุ่นใด ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า 50 สถานีทั่วประเทศ ในระยะแรกของการเตรียมวางเครือข่าย “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยึดมั่นต่อความยั่งยืนในทุกตลาดที่เราดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการนำเสนอบริการ ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีการชาร์จรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้า การเปิดตัว ChargeNow ในประเทศไทย คืออีกก้าวอันสำคัญยิ่งของการดำเนินภารกิจตามวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตอันยั่งยืนอย่างแท้จริง ด้วยการนำเสนอบริการที่อำนวยความสะดวกและทำให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องไม่ยุ่งยาก เรามุ่งหวังที่จะจุดประกายความสนใจในยานยนต์แห่งอนาคตในหมู่ผู้ใช้งานชาวไทย โดยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนระดับชาติผ่านนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน” มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าว ด้านที่อยู่อาศัยนั้น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองที่นำเสนอโครงการที่อยู่อาศัยอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม ซึ่งทุกโครงการล้วนตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย ใกล้ย่านธุรกิจที่สำคัญที่พร้อมจับมือเป็นพันธมิตรผู้ริเริ่มโครงการ ChargeNow ครั้งนี้ คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป็นเวลา 25 ปีแล้วที่เป้าหมายสูงสุดของเอพี ไทยแลนด์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือ การสร้างคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับคนเมือง เรามุ่งมั่นที่จะส ร้างที่อยู่พักอาศัยซึ่งตอบทุกมิติของการใช้ชีวิตอันทันสมัย เราเปิดรับทุกไอเดียใหม่ๆ โซลูชั่นในการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงการใช้พื้นที่ต่างๆ อย่างสร้างสรรค์ เพื่อการมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ดังนั้น โครงการ ChargeNow จึงเป็นมุมใหม่ของการใช้ชีวิตอันทันสมัยในสังคมของยานยนต์ไฟฟ้าที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างแท้จริง เรายินดีที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรผู้ริเริ่มโครงการ ChargeNow เพื่อนำไปสู่การใช้ชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้” ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/767129
- Carsharing|Ridesharing เหมือนหรือต่างกันยังไง?
ชุมชนแชร์ริ่ง (Sharing Community): คาร์แชร์ (Carsharing), ไรด์แชร์ริ่ง(Ridesharing) เหมือนหรือต่างกันอย่างไร ในสมัยนี้ Sharing Community กำลังเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุที่ Sharing Community กำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรงในโลกฝั่งตะวันตก หรือเพราะ Sharing Community เป็นทางออกในอนาคตของมนุษย์ชาติที่จำนวนประชากรเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในพื้นที่ที่จำกัด สิ่งที่มาพร้อมๆกับเทรนด์นี้ อย่างหนึ่งที่น่าสับสนคือ เหล่าคำใหม่ๆ ที่ใช้เรียกหรือบรรยายลักษณะของการบริการที่เกี่ยวกับการแชร์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Carsharing, Ridesharing, Carpooling เป็นต้น เพราะฉะนั้นบทความนึ้จึงเขียนถึงความหมายของคำเหล่านี้สักหน่อย เผื่อที่ต่อไปพูดถึงจะได้เข้าใจตรงกัน หรือไม่เรียกผิดๆถูกๆ จะใช้คาร์แชร์แต่ดันไปเรียกคาร์พูลเสียอย่างนั้น เริ่มกันที่ Carsharing สำหรับ carsharing ความหมายคือ การที่มีรถจอดอยู่สถานที่ที่มีคนอยู่เยอะ มีความต้องการใช้รถมาก แต่ไม่สามารถมีรถเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุที่ไม่มีที่จอด หรือปัญหาทางการเงินไม่สามารถซื้อรถได้ก็ตาม แล้วคนเหล่านั้นมาใช้รถคันเดียวกันนั้น เหมือนเป็นเจ้าของรถร่วมกัน หรือก็คือการแชร์รถคันเดียวกันนั้นใช้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ทิมเป็นนักศึกษาเรียนแฟชั่นดีไซน์ และทิมไม่มีรถเป็นของตัวเอง แต่ทิมจะมีบางครั้ง หรือบางวันที่จะต้องมีการไปซื้อผ้าตามร้านต่างๆ ในเมือง หรืออาจจะต้องมีการขนหุ่นลองชุด หรืออุปกรณ์ต่างๆ เพื่อไปทำงานที่มหาวิทยาลัย ทิมเห็นรถของฮ้อปคาร์ที่จอดอยู่ใต้หอฯ จึงได้สมัครสมาชิกกับฮ้อปคาร์เพื่อที่สามารถใช้คาร์แชร์ริ่งที่มีจอดอยู่ทีหอพักของทิม เพื่อใช้ขนของหรือขับด้วยตัวเองไปซื้อผ้าที่ต้องใช้ เมื่อเสร็จธุระ ก็นำรถไปคืนที่เดิม เพื่อให้คนที่อยู่หอเดียวกันนั้นใช้ต่อได้ ตัวอย่างของคาร์แชร์ริ่งที่ให้บริการในบ้านเราก็คือ Haupcar หรือ Car2Go ในต่างประเทศ ต่อมาคือ Carpooling ความหมายของ carpooling คือการที่คนคนหนึ่งใช้รถคันเดียวนั้น ไปยังจุดหมายของตัวเอง แต่มีการให้คนที่ต้องการไปเส้นทางเดียวกันที่มีจุดหมายเป็นสถานที่ที่อยู่ระหว่างทางจากจุดเริ่มต้นไปจุดหมายของคนขับรถคันดังกล่าว สามารถเป็นไปได้ทั้งมีและไม่มีค่าใช้จ่ายก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนบ้านที่ที่ทำงานอยู่ระหว่างทาง แล้วอาศัยรถใช้รถคันเดียวกันไปกับเราซึ่งเป็นเจ้าของรถ หรือเราติดรถเพื่อนบ้านที่ทำงานใกล้ๆกันไปด้วยกันเพื่อลดค่าใช้จ่าย หรือเพียงเพื่อแสดงน้ำใจต่อเพื่อนๆของเราเอง ตัวอย่างในบ้านเราที่ให้บริการแล้วเช่น Liluna, Grab-Pool, Uber-Pool เป็นต้น สุดท้ายคือ Ridesharing หรือ ridesharing รูปแบบนี้จะเป็นลักษณะของรถหลายๆคันที่มีเจ้าของเป็นบริษัทหรือองค์กรเดียว หรืออาจะเป็นรถคันเดียวของบุคคลทั่วไป มักเป็นการใช้เดินทางภายในเมือง เพื่อไปยังจุดหมายเดียว โดยมีคนขับอาจจะเป็นลูกจ้างของบริษัทที่เป็นเจ้าของรถ หรือเจ้าของรถเองนั้นขับเพื่อนำคนอื่นไปส่งจุดหมายเพื่อหารายได้ ยกตัวอย่างเช่น นกพนักงานบริษัทก. ต้องไปประชุมที่ บริษัทข. นกจึงเดินออกไปหน้าออฟฟิศ หาโบกรถของบริษัทที่ทำ Ridesharing แล้วจ้างให้รถคันนั้นๆ ขับรถไปส่งนกที่บริษัท ข. โดยนกก็จ่ายเงินให้ตามระยะทางนี่นกนั่งมาในรถคันนั้น หรือสรุปง่ายๆก็คือบริการ Taxi บ้านเรานั่นเอง ส่วนที่ให้บริการแล้วจะมี Uber, Grab เป็นต้น หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกๆคนสับสนน้อยลงบ้าง เกี่ยวกับเหล่าคำต่างๆ ที่พากันเกิดขึ้นมาในช่วงนี้เพื่อบรรยายลักษณะของการให้บริการใหม่ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกันในสังคมแห่งการแบ่งปันที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงนี้ ที่มาของรูป: http://www.cooneyconway.com/risks-and-rewards-of-ridesharing
- ใครว่าหน้าฝนเที่ยวทะเลไม่ได้ เที่ยวเกาะเสม็ดหน้าฝน powered by Haup
ใครว่าหน้าฝนเที่ยวทะเลไม่ได้ ช่วงหน้าฝนพรำๆแบบนี้นอนอยู่บ้านเฉยๆคงเบื่อแย่ วันนี้ฮ้อปคาร์จะพาทุกคนไปนอนชิวๆริมหาดที่เกาะเสม็ดกันค่ะ พร้อมแล้วไปกันเลย #Haup trip to Samed Island การเดินทาง วันนี้เราเช่า Mazda 2 จากThe Porch ABAC ขับมาเพียงชั่วโมงครึ่งก็ถึงท่าเรือบ้านเพ พร้อมข้ามไปเกาะเสม็ดแล้วค่ะ เรือโดยสารข้ามเกาะราคาคนละ50บาท เพียงครึ่งชั่วโมงก็ถึงเกาะเสม็ดแล้วจ้า พอมาถึงที่เกาะ พวกเราขับมอเตอร์ไซค์เลี้ยวขวาจากท่าเรือมาประมาณสิบนาที ที่นี่เค้ามีที่นั่งตาข่ายไว้ถ่ายรูปชิคๆเก๋ๆกัน พวกเราก็เข้าพักที่ Bar and Bed ค่ะ สำหรับแดดช่วงที่เราไปนั้นกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป ถ่ายรูปได้ฟีลแบบไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์กันเลยค่า กิจกรรม ณ เกาะเสม็ด ด้วยความที่ทริปนี้เรามากันเพื่อพักผ่อนจริงๆเราเลยไม่ได้ไปทำกิจกรรมอะไร เน้นกินกับนอน 5555555 พอตกเย็นเราก็มาเดินกันเล่นที่หาดทรายแก้วค่ะ แถวนี้มีร้านซีฟู้ดสดๆริมหาดให้เลือกสรรค์มากมายค่ะ โชว์กระบองไฟ พอพลบค่ำหน่อยช่วงสองทุ่มครึ่งจะมีการแสดงโชว์กระบองไฟที่หาดทรายแก้วเช่นกันค่ะ นักท่องเที่ยวแห่กันมาดูเยอะมาก ตื่นตาตื่นใจแต่ก็กลัวว่าไฟจะกระเด็นมาโดนตัวอยู่นิดๆเหมือนกัน To be continued... รู้อย่างงี้แล้วทางเราอยากพาไปเที่ยวทะแลอีกหลายที่เลยค่ะ ท่านใดอยากให้ทางเราพาไปเที่ยวที่ไหนอีกสามารถ comment ได้แล้วทางฮ้อปคาร์จะมาเก็บไว้ใน list สำหรับ Haup trip ในครั้งหน้าเลยนะค้า Powered by Haup #travel
- คาร์แชริ่ง เซฟพลังงาน เซฟโลก โมเดล ‘haup’
คนไทยเราจำเป็นต้องใช้รถกันตลอดเวลาไหม? .. คงไม่ใช่ ดังนั้น “คาร์แชริ่ง” น่าจะเป็นทางเลือกที่ลงตัว ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ใครหลายๆคนไม่จำเป็นต้องซื้อรถ ทั้งเป็นการเซฟพลังงานและช่วยโลกลดมลพิษได้อีกด้วย จากไอเดียนี้ ธนวัฒน์ (เปอร์) และ กฤษฏิ์ วิชัยวัฒนาพาณิชย์ (โบ้) สองพี่น้องเลยตัดสินใจพัฒนาแพลตฟอร์มคาร์แชริ่งที่ชื่อว่า “haup” (ฮ้อปคาร์) แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นอะไรที่แปลกใหม่ เพราะคาร์แชริ่งมีบริการทั่วไปอยู่ในประเทศที่เจริญแล้ว พวกเขาทั้งสองคนซึ่งเดินทางไปร่ำเรียนที่ประเทศอเมริกาตั้งแต่ยังเด็กก็ได้เห็นและเคยทดลองใช้มาก่อน ตรงกันข้ามที่ประเทศไทย นั้นธุรกิจรูปแบบนี้ยังไปได้ไม่ถึงไหน พวกเขาตกลงใจเปิดตัวฮ้อปคาร์ในเดือนสิงหาคมปี 2559 เพราะเชื่อว่าเป็นจังหวะเวลาที่ดี เนื่องจากเห็นว่ารัฐบาลไทยเร่งการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าหลายสายซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คนซื้อรถส่วนตัวน้อยลง และคาร์แชริ่งก็จะมาเติมเต็มความต้องการในการเดินทางได้เป็นอย่างดี "ความเป็นจริง ธุรกิจของเราก็ยังอยากให้คนใช้รถอยู่ แต่ให้มาแบ่งกันใช้ โดยเราจะมีรถอยู่ในระบบที่ให้คนสามารถเข้ามาแชร์ มาแบ่งกันใช้ได้ เราต้องมีรถที่ดี มีบริการที่ดีให้กับลูกค้า เหมือนเป็นการสร้างคลับหรือคอมมูนิตี้หนึ่งขึ้นมาเพื่อให้คนมาแบ่งรถกันใช้ โดยต้องทำให้คนเข้าถึงบริการได้ง่าย มอบประสบการณ์ที่ดีๆให้เขา เพื่อที่จะทำให้รถบนท้องถนนมันหายไปบ้าง" และต้องบอกว่ารถที่ให้บริการทั้งหมดที่มีในปัจจุบัน 10 คันล้วนเป็นของฮ้อปคาร์ทั้งสิ้น และทั้งหมดเป็น “อีโคคาร์” เพื่อให้สอดคล้องกับความตั้งใจที่อยากมุ่งเน้นเรื่องการประหยัดพลังงาน แถมอีโคคาร์ก็ยังเป็นรถที่อยู่ในความสนใจของลูกค้าอีกด้วย เพราะลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในช่วงเริ่มต้นจะมีอยู่สามกลุ่ม ก็คือ 1.นักศึกษามหาวิทยาลัย 2.กลุ่มคนที่เพิ่งเรียนจบ กำลังจะเริ่มทำงาน 3. ชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่หรือทำงานในเมืองไทย เริ่มจาก “บีทูซี” และในหมายเหตุจะโฟกัสกลุ่มนักศึกษาเป็นพิเศษ จากนั้นจะขยับไปสู่กลุ่มลูกค้าธุรกิจหรือ “บีทูบี” "เราเริ่มเปิดบริการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิตเป็นแห่งแรก เพราะส่วนตัวพวกเราก็เคยผ่านชีวิตตรงจุดนั้นมาก่อน รู้ว่าเด็กพอเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วก็อยากมีรถ เพราะการเดินทางลำบาก แต่พ่อแม่ก็อาจบอกว่าเดี๋ยวก่อนไม่ยอมซื้อให้ และที่มาเริ่มต้นที่เด็กก็เพราะเราอยากจะปลูกฝังพวกเขาว่าการซื้อรถนั้นไม่จำเป็น เพราะคาร์แชริ่งช่วยทำให้เขามีรถขับได้" จากที่เปิดบริการมาเป็นเวลา 5-6 เดือน ปัจจุบัน ฮ้อปคาร์มีสมาชิกอยู่กว่า 300คน และชั่วโมงการใช้บริการของสมาชิกโดยเฉพาะเด็กมหาวิทยาลัยนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า ซึ่งเป็นการพิสูจน์สมมุติฐานความเป็นไปได้ที่ชัดขึ้น "พวกเรายังอยู่ในจุดเริ่ม อย่างน้อยเราต้องทำให้ครบปีถึงจะมีข้อมูลการใช้งานที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะมหาวิทยาลัยก็มีบางช่วงที่เปิดเทอม ปิดเทอมด้วย เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาว่า ลูกค้ามาใช้บริการเป็นเพราะอะไร รวมถึงต้องหาทางปิดแก็บ โดยพยายามพูดคุยกับลูกค้าที่เป็นสมาชิกในเรื่องของการใช้งานอยู่เรื่อยๆ คอยถามเขาว่าทำไมถึงใช้งานช่วงนี้ ไม่ใช้ช่วงนี้ เราต้องทำความเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไร" ที่พวกเขาพยายามเรียนรู้อย่างมากในเวลานี้เป็นเรื่องของกลยุทธ์การเลือกโลเคชั่น ซึ่งต้องมีการทดลองและอาศัยระยะเวลา คือถ้าหากเวิร์คก็ทำต่อ แต่ถ้าไม่ก็จะหยุดทำ ที่เทสต์ไปแล้วและผ่านฉลุยก็คือ ทำเลที่เป็นมหาวิทยาลัย ซึ่งนำมาซึ่งแผนที่ว่าฮ้อปคาร์จะขยายไปยังมหาวิทยาลัยที่อยู่ชานเมืองมากยิ่งขึ้น (นอกจากธรรมศาสตร์ รังสิต ยังเปิดบริการแล้วที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี) "แต่เราก็คาดการณ์ผิดไปบ้างคือคิดว่าเด็กมหาวิทยาลัยน่าจะมาใช้บริการเยอะมาก เพราะส่วนใหญ่เขาไม่มีรถ แต่ที่ได้พบก็คือ เด็กไม่มีเงิน เขาได้เงินจากพ่อแม่เป็นรายเดือน ทำให้เวลาใช้บริการแต่ละทีเขาจะมากันเป็นกลุ่มอย่างน้อยก็ 3 คนเพื่อแชร์ค่าใช้จ่ายกัน ทำให้เราต้องกลับมาคิดค่าบริการใหม่เพื่อให้แฟร์กับพวกเขา เรื่องราคาเราคงจะปรับไปเรื่อยๆ แต่คงไม่บ่อยมากเดี๋ยวสมาชิกเราจะงง" ยังมีปัญหาเหนือความคาดหมายอีกหลายเรื่อง เช่น การที่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ชอบดูรายละเอียดการบริการด้วยตัวเอง ซึ่งมีอยู่ครบถ้วนบนออนไลน์ ทั้งในเว็บไซต์ หรือบนเฟสบุ๊ค แต่นิยมโทรศัพท์หรือไลน์มาถาม โดยปริยายพวกเขาทั้งสองคนก็ต้องทำหน้าที่เป็นคัสโตเมอร์เซอร์วิสคอยตอบคำถามด้วยตัวเอง “เอาเข้าจริงลูกค้าอยากคุยกับเรา พวกเราเลยต้องรับโทรศัพท์หรือตอบไลน์กันเอง แต่เราก็อยากทำเพราะต้องการคอนแท็กกับลูกค้า มันเป็นการสร้างความเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าให้กับเรา เพื่อที่จะนำเอาไปพัฒนาต่อ” ลูกค้ามักจะถามข้อมูลเกี่ยวกับอะไร? พวกเขาบอกว่าที่ถูกถามเยอะที่สุดก็คือ ราคาและวิธีการใช้รถ แต่มีลูกค้าบางคนที่ไม่คุ้นชินกับการใช้แอพและอยากรู้วิธีซึ่งพอทำได้แล้วครั้งต่อไปเขาก็จะไม่ถามอีก "แต่มีเรื่องเพย์เมนท์ ที่เรามองว่าแปลกมาก เพราะคิดมาตลอดว่าเด็กรุ่นใหม่น่าจะชินกับการจ่ายเงินออนไลน์ แต่ปรากฏว่าเด็กจ่ายเป็นเงินสด ซึ่งสมัยเรียนอยู่ที่อเมริกาพวกผมแทบไม่ถือเงินสดเลยในกระเป๋ามีแต่บัตร แต่พอมาเมืองไทยเราใช้บัตรได้ยากมาก ร้านต่างๆมักจะรับแต่เงินสด มันเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งของเรา แต่ถ้าเรามีการสอนลูกค้าทำในครั้งแรกได้ครั้งต่อไปก็จะไม่มีปัญหา แต่ลูกค้าก็อาจกังวลว่าถ้าเขาเอาบัตรเครดิตมาผูกกับระบบเราแล้วจะเซฟไหม เราก็ต้องทำให้เขามั่นใจด้วยการใช้ระบบของโอมิเซะ (Omise)" อย่างไรก็ดี แม้จะมั่นใจโลเคชั่นมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาก็ยอมรับว่ายังไม่ชัวร์กับทำเลที่ต้องการจะตอบโจทย์ลูกค้าวัยเริ่มทำงานรวมถึงคนต่างชาติ ที่เป็นจุดจอดในอาคารสำนักงาน รวมถึงคอนโดมีเนียมที่ตั้งอยู่กลางเมืองบริเวณซอยอารีย์, สี่แยกอโศก,ถนนสาทร ,ถนนสีลมและแถวสะพานกรุงธนฯ จำนวน 5 จุด และน่าจะต้องอาศัยเวลาอีกสามถึงสี่เดือนเพื่อดูว่าผลลัพธ์จะเวิร์คหรือไม่อย่างไร เพื่อกำหนดกลยุทธ์ให้แน่ชัดว่าควรจะทำต่อกับตลาดนี้ดีหรือไม่ นอกจากนี้ยังมองในเรื่องของเทคโนโลยีที่จะช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่แน่ว่า นอกจากอีโคคาร์แล้ว ในอนาคตอันใกล้ฮ้อปคาร์ก็อาจนำเอารถไฟฟ้ามาให้บริการด้วยก็เป็นได้ เพราะเมื่อเร็วๆนี้ บริษัทได้เข้าร่วมในโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของรถยนต์ไฟฟ้าในรูปแบบคาร์แชริ่งสำหรับประเทศไทยในอนาคต (Electric car sharing) ร่วมกับบีเอ็มดับเบิลยู ,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ ชไนเดอร์อีเล็คทริค (ไทยแลนด์) "เราถือว่าเป็นรายแรกที่ทำคาร์แชริ่งในเมืองไทย ตอนนี้เราจึงพยายามจะเช็ทสแตนดาร์ดขึ้นมาก่อน แต่พวกเราเองเคยมีประสบการณ์ใช้บริการคาร์แชริ่งมาก่อน และได้ไปศึกษาอีกหลายๆแห่งว่าเขาทำกันอย่างไร จึงสามารถลดปริมาณรถลงได้ ที่เมืองนอกเขาพรูฟได้ว่ารถคาร์แชริ่งหนึ่งคันสามารถลดจำนวนรถในถนนลงได้ถึง 8-30 คัน ขึ้นอยู่กับสเกลของแต่ละเมือง ซึ่งเป็นอะไรที่เราอยากพรูฟและทำได้แบบเขาเหมือนกัน" แน่นอนว่าต้องเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุด แต่ก็มีความมั่นใจว่ามีสิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำได้ดีก็คือ ที่ผ่านมาเมื่อได้เรียนรู้ว่าลูกค้ามีความต้องการอะไร พวกเขาพร้อมและปรับเปลี่ยนได้เร็ว เรียกว่าพร้อมจะเทคแอคชั่นทันที ชีวิตดี๊ดีของคนไม่มีรถ วันนี้คุณอยากไปไหน ไปดูหนัง รับเพื่อน ไปดูคอนเสิร์ต เที่ยวเดย์ทริป ไปเดทกับแฟน ไปประชุม ซื้อของซูเปอร์ฯ ไปนั่งร้านคาเฟ่เก๋ๆ ไปดูงานอาร์ต ไปหาหมอ ไปตลาดนัดสุดสัปดาห์ ไปทานมื้อดึกับเพื่อน หรือจะไปเตะบอล ฯลฯ ก็จะได้ไปแน่ๆด้วยรถของฮ้อปคาร์ คอนเซ็ปต์ของ “ฮ้อปคาร์” ก็คือให้ลูกค้าจ่ายเงินตามเวลาที่จองขับซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่ 30 นาที ไปจนถึง 1 วัน เป็นรายชั่วโมง เริ่มต้นเพียง 49 บาทต่อครึ่งชั่วโมง + 5.5 บาทต่อกิโลเมตร แต่ถ้าเป็นรายวัน เริ่มต้นเพียง 1,300 บาท ฟรี 100 กิโลเมตรแรกและจ่ายตามระยะทางที่ขับ ซึ่งราคาที่คิดจะรวมทั้งค่าน้ำมัน ประกัน การดูแลรักษา และที่จอดรถ จะเดินทางพรุ่งนี้ หรือ ต้องการใช้ตอนนี้ ลูกค้าสามารถจองรถก่อนใช้งานเป็นเวลา 15 นาที และการเดินทางด้วยฮ้อปคาร์ทำได้ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. จองผ่านแอพ โดยเลือกจุดจอดที่อยู่ใกล้ และเลือกเวลาที่ต้องการใช้ และยืนยันการจอง 2.เข้ารถ ถึงเวลาเดินทาง เปิดปิดประตู ผ่านแอพ หรือใช้บัตรฮ้อปคาร์แตะไปที่รถ 3.ขับรถไปยังจุดหมายปลายทาง และนำรถกลับมาคืนตรงจุดจอดที่เดิม ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/735717
- ฝรั่งเศสมีมาตรการสั่งหยุดการใช้รถน้ำมันภายในปี 2040
เนื่องจากปัญหามลภาวะเรือนกระจกและปัญหาควันพิษที่เกิดจากการคมนาคมที่มากขึ้นทุกวัน ล่าสุดทางรัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะยกเลิกการใช้รถน้ำมันภายในปีค.ศ. 2040 การประกาศในครั้งนี้ทางฝรั่งเศสเองเล็งเห็นว่าการยกเลิกใช้รถยนต์ประเภทน้ำมันนี้จะทำให้ประเทศเข้าใกล้ Paris Agreement มากขึ้น นอกจากประเทศฝรั่งเศสแล้วยังมีประเทศอื่นๆเช่น นอร์เวย์ที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ว่าจะยกเลิกรถน้ำมันภายในปีค.ศ.2025 และอินเดียภายในปีค.ศ.2030 ในส่วนของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อย่างเช่น Volvo ก็ได้ประกาศว่าจะหยุดการผลิตรถยนต์น้ำมันในไม่ช้านี้เช่นกัน ที่มา: http://www.independent.co.uk/environment/france-petrol-diesel-ban-vehicles-cars-2040-a7826831.html
- สตาร์ทอัพทดสอบการเดินทางรูปแบบใหม่ e-scooter ในสิงค์โปร์ เริ่มต้นเพียง 2.5 บาทต่อนาที
กับประเทศสิงค์โปร์ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญที่สุดในแถบเอเซีย ล่าสุดได้เริ่ม launch project การเดินทางรูปแบบใหม่โดยใช้พาหนะที่เรียกว่า e-scooter ตัว e-scooter นี้พัฒนามาจาก startup ที่ชื่อว่า Floatility ซึ่งกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนีซึ่งทาง CEO ของบริษัทนี้ได้กล่าวว่าเหตุผลที่มองว่าสิงค์โปร์เป็นประเทศที่เริ่มทำ pilot นี้ขึ้นเป็นเพราะว่าสิงค์โปร์เองนั้นเป็นประเทศที่ตั้งใจผลักดันการเดินทางในแบบ personal mobility device ให้เกิดขึ้นจริง สำหรับโปรเจคทาง Floatility เองได้นำเทคโนโลยีหลายอย่างเช่น battery swapping และ docking station หรือ geofencing มาใช้กับตัว e-scooter นี้เพื่อให้การใช้งานของลูกค้านั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย นอกจากนี้ทางบริษัทได้ใช้ solar เข้ามาช่วยในการชาร์จไฟแบตเตอรี่อีกด้วย เห็นอย่างงี้แล้วทางฮ้อปคาร์ก็อยากให้มาเปิดทดสอบในประเทศไทยบ้าง เผื่อจะเป็นทางออกของคนที่มีปัญหารถติดไปได้อีกทาง :D #urbanmobility #sharingmobility #คาร์แชร์ริ่ง
- คาร์แชร์ริ่งช่วยลดจำนวนรถได้...จริงหรือไม่ ?
เรื่องที่เราเคยกังวลกันว่า “โมเดลคาร์แชร์ริ่งช่วยลดจำนวนการใช้รถลงนั้น ไม่มีหลักฐานรองรับ” ตามที่ Greg Archer เคยเขียนไว้ แต่ในปัจจุบันนี้ โลกยุคดิจิตอล และรูปแบบเศรษฐกิจแบบแชร์ริ่งได้สร้างโอกาสที่จะช่วยลดจำนวนยานพาหนะในเมืองให้ยิ่งน้อยลงไปอีก รถส่วนใหญ่ที่ทุกคนใช้กัน ในเวลาวันหนึ่ง 24 ชั่วโมงผู้คนใช้รถจริงๆเพียงแค่ 10% หรือประมาณ 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น และในการครอบครองรถคันหนึ่งนั้น โดยเฉลี่ยแล้วจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเข้ามาอีก 260,000 บาทต่อปี (6,500 ยูโร) ที่จะถูกใช้ไปเป็นค่าใช้จ่ายในการครอบครองรถคันหนึ่ง โดยรถแต่ละคันจะต้องการพื้นที่ 150 ตารางเมตรตเพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการจอด แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น การจราจรที่ติดขัดนั้นยังทำให้เศรษฐกิจของยุโรปต้องใช้เงินกว่า 4แสนล้านบาท (1หมื่นล้านยูโร) ต่อปีในการจัดการ ภาพของรถยนต์ส่วนตัวที่สื่อความสะดวกสบายแห่งศษตวรรษที่ 20 ดูเหมือนจะสลายหายไปด้วยความนิยมในไอเดียของการมีตัวรถเอง ในปัจจุบันโลคเทคโนโลยี และโมเดลแชร์ริ่งนั้นทำให้เกิดโอกาสที่จะลดจำนวนยานพาหนะในเมืองของเราลงได้อย่างมาก และช่วยลดไม่ว่าจะเป็นมลพิษ อุบัติเหตุ การจราจรที่ติดขัดที่เกิดจากการมีจำนวนรถในครอบครองและใช้มากเกินไปบทท้องถนน หนึ่งในการวิจัยจากสหรัฐอเมริกาได้ชี้ให้เห็นว่า จำนวนรถที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันอาจลดได้ถึง 1 ใน 3 ของทั้งหมดหากโมเดลคาร์แชร์ริ่ง ถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง และผลวิจัยอีกชิ้นหนึ่งจากลิสบอน แสดงให้เห็นว่า รถที่วิ่งอยู่บนท้องถนนจะลดจำนวนเหลือเพียง 10% เท่านั้นถ้าหากมีการแชร์รถกันใช้ แต่การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่คาร์แชร์ริ่งอย่างสมบูรณ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ตราบใดที่รถยนต์ส่วนตัวและรถที่แชร์กันเริ่มแก่งแย่งพื้นที่ที่เหลือและการใช้งานทำให้เกิดประโยชน์อยู่พอตัว อย่างไรก็ตาม จุดมุ่งหมายท้ายสุดของเราคือการนำเอาพื้นที่คืนจากการยึดครองด้วยรถยนต์บนท้องถนนแล้วล่ะก็ จะทำให้คุณภาพชีวิตของคนเมืองดีขึ้นอย่างแน่นอน ข้อกังวลหรือข้อกังขาที่ว่าแชร์ริ่งโมเดลจะไม่ทำให้เกิดการลดลงของการใช้้รถยนต์ส่วนบุคคลนั้น มีหลากหลายเหตุผลมากมายมาหักล้างที่แสดงให้เห็นว่า แอพฯไรด์แชร์ริ่งช่วยให้มีการใช้รถบนท้องถนนน้อยลง และการขับขี่น้อยลงด้วย แต่ที่สำคัญคือ แอพฯดังกล่าวกำลังช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนให้ไปใช้รูปแบบการเดินทางโดยสารที่หลากหลายมากขึ้น ที่อาจใช้แทนที่รถโดยสารสาธารณะ หรือรูปแบบแอคทีฟ (เดิน ปั่นจักรยาน) รูปแบบของคาร์แชร์ริ่ง, ไม่ว่าจะเป็นแบบจากจุดหนึ่งไปจอดอีกจุดหนึ่ง หรือแบบราวด์ทริป หนึ่งคันจะช่วยให้ไปลดการใช้ใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลงถึง 5-15 คัน การใช้บริการคาร์แชร์ริ่งในการเดินทางไกลนั้นสามารถใช้แทนการเดินทางด้วยระบบการขนส่งด้วยราง นอกจากนั้นตัวรถคันเดียวกันนั้นเองก็จะมีคนนั่งเยอะขึ้น ช่วยลดปริมาณคาร์บอนในอากาศที่ปล่อยออกมาต่อกิโลเมตเมื่อเทียบกับรถรางอีกด้วย อย่างไรก็ตามหลักฐานที่ให้ข้อสรุปได้กล่าวถึงมานั้นยังคงขาดความเสรีและแหล่งยืนยันข้อมลูเหล่านี้ไม่อาจสามารถมองเห็นได้หรือสัมผัสได้ ว่าได้ข้อมูลเหล่านี้มาได้อย่างไร และการศึกษาวิจับในเรื่องผลกระทบจากการใช้คาร์แชร์ริ่งยังคงขาดมาตราฐานที่จะใช้วัดผลของการ์แชร์รถกันใช้เพราะผลที่เห็นหรือเกิดขึ้นก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละเมือง. การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับคาร์แชร์ริ่งนั้นจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเพื่อที่จะวิเคราะห์ วิจัยข้อสิ่งที่บริษัทกล่าวอ้างเกี่ยวกับคาร์แชร์ริ่งได้อย่างเสรี หลักฐานที่พบยังแสดงให้เห็นอีกว่าช่วงระยะเวลาการย้ายไปใช้รถแชร์ ที่จะต้องมีการแก่งแย่งพื้นที่และประโยชน์กับรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อให้ขั้นตอนการเปลี่ยนมาใช้คาร์แชร์ริ่งง่ายและเร็วขึ้น จะต้องมีการจำกัดการครองถนนของรถที่มีอยู่ก่อนออกไปให้ได้ก่อน โดยมี 4 ขั้นตอนดังนี้ ก่อนอื่น จะต้องมีการเก็บหรือขึ้นราคาการใช้รถยนต์ส่วนตัวบนไฮเวย์ โดยคิดเงินในราคาที่ต่างกันโดยคิดราคารถที่แชร์กันใช้ให้เก็บราคาถูกกว่า และยกเว้นการคิดราคาดังกล่าวกับรถยนต์สาธารณะ ต่อมา บรรดารถที่ทำให้เกิดผลพิษในอากาศสูง จะต้องถูกจำกัดการใช้หรือแบนจากเมือง และผู้ขับขี่รถยนต์เหล่าอาจมีเงินก้อนให้เพื่อแลกกับการสละหรือเลิกใช้รถนั้นเพื่อมาใช้รถสาธารณะหรือรถยนต์แชร์ ปัจจุบัน ในยุโรปมีรถที่เป็นเครื่องยนต์ดีเซล ประมาณ 35 ล้านคันที่ทำให้เกิดมลพิษในอากาศเกินกำหนดอยู่ จากเหตุดังกล่าวทำให้ประชากรกว่า 500 ล้านคนต้องเสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร จากภาวะอากาศเป็นพิษ จำเป็นจะต้องมีระเบียบการลดจำนวนที่จอดรถที่มีอยู่เกินความจำเป็นลงตามสถานที่ต่างๆในเมือง หากมีที่จอดรถมาก ก็จะมีผู้คนขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลมากขึ้น และเมืองที่มีการเพิ่มที่จอดมากขึ้นจะประสบกับส่วนแบ่งของการเดินทางด้วยรถยนต์ที่มากขึ้น เมื่อรถยนต์ที่จอดตามข้างทางลดลง พื้นที่เหล่านั้นก็จะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นช่องทางสำหรับเลนรถโดยสารสาธารณะ หรือจักรยาน, ทางเดินเท้าที่กว้างขึ้น, จุดจอดเพื่อรับส่งที่มีการจัดระเบียบสำหรับคาร์แชร์ริ่งที่ใช้ร่วมกันหรือสำหรับคนอื่นๆที่เน้นไปในเรื่องของการพัฒนาตัวเมือง ข้อสุดท้ายนั้น เราจะต้องมีการกำหนดออกกฎหมายเพื่อรองรับและให้สิทธิ์ แก่นวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้แน่ใจว่า ภาระหน้าที่ในการตั้งกฎจะไม่ตกเป็นของบริษัทที่ให้บริการ และบริษัทที่ให้บริการที่มีขึ้นมาใหม่จะต้องขยายมาตราส่วนของบริษัทให้มีเพียงพอต่อความต้องการที่จะมาเพื่อทดแทนจำนวนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลอย่างมหาศาลที่วิ่งอยู่ในเมือง ผู้ให้บริการรถสาธารณะได้มีเวลากว่าศตวรรษที่จะต่อกรกับรถยนต์ส่วนบุคคล แต่ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก คงถือได้ว่าเป้นการพลาดโอกาสที่สำคัญยิ่ง หากภาระการกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมทำการเกิดใหม่ของผุ้ให้บริการการเดินทางบริษัทใหม่ๆ อยู่ในสถานะกึ่งเกิดอยู่อย่างนั้น และสถาณการณ์เดียวกันยิ่งผลักดันให้การครอบของถนนของรถยนต์่วนตัวเติบโตขึ้นในเมืองของเราเพิ่มขึ้นไปอีก โดย Greg Archer, ผู้อำนวยกาย CVD (clean vehicle director) และ Barboda Bondovora นักวิจัยแห่ง Clean Transport NGO T&E
- กรุงโซล ส่งเสริมบริการ Carsharing and Bikesharing
กรุงโซลส่งเสริมบริการแบ่งปันจักรยานและรถยนต์ (Bike and Car Sharing) ตามโครงการอพาร์ทเมนท์ รัฐบาลกรุงโซลประกาศแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการแบ่งปันระบบสาธารณูปโภคสาธารณะในอาคารอพาร์ตเมนต์เพื่อกระตุ้นการพัฒนาชุมชนที่มีส่วนร่วม โครงการ หมู่บ้านแห่งการแบ่งปัน (Sharing Village) ซึ่งเป็นโครงการปรับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของกรุงโซลโดยจะมีจุดบริการจักรยานและรถร่วมซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วเมืองสร้างขึ้นในจุดเดียวกันเพื่อความสะดวกสบายสร้างสถานที่ที่คล้ายกับชื่อ 'หมู่บ้านแห่งการแบ่งปัน' การสมัครเข้าร่วมโครงการจะมีจนถึงวันที่ 12 กรกฎาคม ผู้อยู่อาศัยที่ประสงค์จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "หมู่บ้านแห่งการแบ่งปัน" สามารถยื่นใบสมัครไปยังสำนักงานเขตพื้นที่ท้องถิ่นหลังจากตกลงกับผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ โดยจะมีเพียงหนึ่งหรือสองตึกที่คาดว่าจะได้รับการคัดเลือก สำหรับโครงการนำร่อง ชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจาก "หมู่บ้านแห่งการแบ่งปัน" จะเห็นว่ามีพื้นที่ใช้จ่ายประมาณ 50 ล้านวอนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจร่วมกัน (sharing economy infrastructure) เพื่อให้บริการต่างๆร่วมกันซึ่ง ได้แก่ จักรยาน ตู้เย็น หรือแม้กระทั่งการดูแลเด็ก ขึ้นอยู่กับประเภทของครัวเรือนในชุมชนที่ได้รับเลือกในปีพ. ศ. 2555 กรุงโซลประกาศตัวว่าเป็นเมืองแห่งการแบ่งปัน (sharing city) และในปี พ.ศ. 2556 กลายเป็นเมืองแรกในประเทศที่ออกกฎหมายเพื่อส่งเสริมการเศรษฐกิจแบ่งปัน (sharing economy) เจ้าหน้าที่ภาครัฐของกรุงโซลกล่าวว่า "เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจแบ่งปันจะกลายเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาชีวิตของชาวเกาหลีใต้” ที่มา: http://koreabizwire.com/seoul-to-promote-bicycle-and-car-sharing-services-at-apartment-complexes/86484 #carsharing #bikesharing
- ไว้พระเก้าวัดไปกับHaupcar @อยุธยา
วันอาสาฬหบูชานี้ ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไปไหนดี ขับฮ้อปคาร์ไปเพียง 1 ชม. จากกรุงเทพฯ เรามีแผนการเดินทางไว้ให้แล้ว เพียงแค่เช่ารถแล้วออกเดินทางได้เลย! #CarSharing #เที่ยวทั่วไทยไปกับฮ้อป #คาร์แชร์ริ่ง
- จุดเริ่มต้นของคาร์แชร์ริ่ง (That's why we build carsharing)
Carsharing (คาร์แชร์ริ่ง) คือ การบริการรถเช่ารูปแบบหนึ่งที่ผู้เช่าสามารถเช่าเป็นรายชั่วโมงได้ โดยสมาชิกของผู้ให้บริการ carsharing จะทำการจองรถยนต์ผ่านทางแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ และสามารถเดินทางไปหาจุดที่มีบริการ carsharing ใกล้ๆ ทางสมาชิกสามารถเปิดรถยนต์โดยใช้ บัตรสมาชิกแตะที่กระจกหน้าของรถยนต์หรือเปิดผ่านแอปพลิเคชั่นใน smartphone ส่วนการเก็บค่าบริการนั้น ทางสมาชิกจะโดนเรียกเก็บเงินผ่านทางบัตรเครดิตที่ผูกไว้กับแอปพลิเคชั่นผู้ให้บริการ carsharing หลังจากการใช้งานในแต่ละครั้ง Haupcar (ฮ้อปคาร์) ผู้ให้บริการคาร์แชร์ริ่งแห่งแรกของประเทศไทยมองว่าถึงแม้ความพร้อมในประเทศไทยจะยังไม่เท่ากับในต่างประเทศ ตอนนี้อยู่ในช่วงที่ carsharing จะเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้นเห็นได้จาก จำนวนการเติบโตของคอนโด การเติบโตของการใช้ BTS/MRT ที่จะส่งผลให้คนส่วนใหญ่เริ่มที่จะเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น เมื่อความจำเป็นในการใช้รถเริ่มหดหายไป ความต้องการใช้รถในเพียงไม่กี่ครั้งต่อเดือนจึงเหมาะกับการแชร์รถกันใช้ โทรศัพท์จากนั้นก็สามารถไปที่รถได้ทันที โดยปลดล็อครถผ่านแอปพลิเคชั่นหรือคีย์การ์ด ได้โดยไม่ต้องใช้หรือรอรับกุญแจรถ สามารถจองใช้งานได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงไปจนถึงเจ็ดวัน ฮ้อปคาร์จะทำให้เกิดความรู้สึกสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานเสมือนมีรถเป็นของตัวเอง ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานรถได้เฉพาะยามที่ต้องการ และไม่จำเป็นต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆที่จะตามมากับรถอีก ผู้คนที่อยู่อาศัยในเมืองได้รับประโยชน์มากมายจากการมี carsharing ซึ่งสามารถแบ่งออกได้หลักๆตามนี้ การไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของรถยนต์อีกต่อไป ถึงแม้ว่าการครอบครองรถยนต์จะเป็นสัญลักษณ์ของความอิสระและพึ่งพาตนเองได้ แต่ที่จริงแล้ว ผู้บริโภคจะใช้งานรถเฉลี่ยเพียงสัปดาห์ละไม่กี่ครั้ง ผู้บริโภคสามารถหันมาใช้ carsharing เมื่อยามจำเป็นในราคาที่เฉลี่ยแล้วประหยัดกว่าการซื้อรถมาใช้ การเป็นเจ้าของรถนำมาซึ่งภาระและค่าใช้จ่ายที่สูง เช่น ค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษา ค่าประกันรถยนต์ ค่าจอดรถ หรือแม้กระทั่งค่าล้างรถ ซึ่งค่าใช้จ่ายพวกนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตลอดอายุการใช้งานของรถ การหันมาใช้ carsharing แทนจะทำให้ค่าใช้จ่ายลดลง กลายเป็นจ่ายเพียงครั้งๆ และคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง ปัญหารถที่จอดรถในเมืองจะน้อยลงเมื่อคนหันมาใช้ carsharing มากขึ้น รถยนต์หนึ่งคันในหนึ่งที่อยู่อาศัยสามารถแบ่งกันใช้งานได้มากถึง 40-50 คน หากอนุมานว่าทุกคนมีรถใช้นั้นหมายความว่าปริมาณรถจะหายไปจากเกือบ 50 คันเลยทีเดียวและเหลือเพียง 1-3 คัน ตามพฤติกรรมการใช้รถของผู้อยู่อาศัยในตึก เมื่อจำนวนคนที่ใช้รถลดลง ทำให้ปริมาณรถในเมืองมีแนวโน้มที่จะลดลงตามและการเดินทางด้วยรถยนต์จะติดน้อยลง หากมองออกมาในภาพที่ใหญ่ขึ้น เมื่อเมืองที่เราอาศัยอยู่มีปริมาณการใช้งานของรถยนต์น้อยลง สิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆที่ทำมาเพื่อรถยนต์เช่น ถนน หรือ ที่จอดรถ ก็จะถูกแทนที่ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่สร้างมาเพื่อให้ประโยชน์กับผู้คนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั้ง ทางเท้าที่กว้างขึ้นและเลนสำหรับจักรยาน มาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงจะสงสัยว่า แล้วฮ้อปคาร์ต่างอะไรจากบริการรถเช่าเจ้าอื่นๆที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย สิ่งนั้นคือเทคโนโลยีที่นำมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ เพียงส่งข้อมูลใบขับขี่ บัตรประชน และ บัตรเครดิตเพียงครั้งเดียวขณะลงทะเบียนเพื่อใช้งานทางแอปพลิเคชั่น เมื่อถึงเวลาต้องการใช้งาน เพียงเลือกจุดที่จะเช่ารถผ่านแอปพลิเคชั่นใน
- ฝนตกแล้ว ! ขับรถยังไงให้ปลอดภัย
ช่วงนี้เข้าฤดูฝนกันแล้ว ทุกท่านคงเคยประสบปัญหาเรื่องการขับรถท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก วันนี้ฮ้อปร์คารมีเทคนิคง่ายๆในการขับรถระหว่างฝนตกมาฝาก ข้อที่ 1) เมื่อฝนตกลงมาแล้ว อย่าลืมเปิดที่ปัดน้ำฝนพร้อมไฟหน้ารถและหลังรถเพื่อช่วยในการมองเห็นเวลาขับรถ ข้อที่ 2) ชะลอความเร็วเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ซึ่งระดับความเร็วที่ทำให้รถไม่เกิดการลื่นไถลคือ 60 ก.ม/ช.ม ข้อที่ 3) ควรเว้นระยะห่างจากคันหน้ามากกว่าการขับขี่ในช่วงปกติ 10-15 เมตร เพื่อให้สามารถหยุดรถได้ทันในสภาพถนนที่เปียกลื่น ข้อที่ 4) อย่าหลบรถกะทันหันให้ใช้ตาประเมินสภาพความลึกของแอ่งน้ำ และชะลอเพื่อขับผ่านแอ่งน้ำ ถ้าแอ่งน้ำลึกให้เปลี่ยนทิศทางหลบแอ่งน้ำ ข้อที่ 5) หาที่จอดรถทันทีถ้าไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้อย่างชัดเจน เพียงทำตาม 5 ข้อนี้ เพียงผู้อ่านทำตามนี้ รับรองคุณจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากฝนตกได้เยอะมากเลยทีเดียว
- มาเรียนรู้ function ใหม่ใน application ที่จะทำให้คุณจองรถได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
ด้วย function ง่ายๆตัวใหม่ของฮ้อปคาร์ คุณสามารถหาเวลาที่ว่างของรถฮ้อปคาร์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนเวลาอีกต่อไป เพียงกดปุ่ม Find next available -> Check now ระบบจะจัดการหาเวลาว่างของรถที่ใกล้ที่สุดสำหรับคุณ











