กระทรวงพลังงานร่วมกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย
เดินหน้าเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่พร้อมให้บริการประชาชน
มีเป้าหมาย 150 สถานี ปี 2562
กระทรวงพลังงาน ร่วมมือกับสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า จัดพิธีเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่อเป็นการผลักดันนโยบายพลังงาน 4.0 ให้ประเทศไทยกลายเป็น Smart City โดยเป้าหมายคือในปี 2562 คาดว่าจะสามารถเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้มากถึง 150 สถานี และประเทศไทยจะต้องใช้รถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้แล้ว ยังมีได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานการไฟฟ้า และผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าในแต่ละเครือข่าย รวมไปถึงค่ายรถยนต์ต่างๆกว่า 20 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการเชื่อมต่อการใช้งานของแต่ละเครือข่าย
ซึ่งทางภาครัฐ มุ่งหมายให้มีการกระจายแหล่งพลังงานและใช้พลังงานให้มีความหลากหลาย เหมาะสม และยั่งยืน สำหรับภายในปี 2579 ได้มีการตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล เปลี่ยนไปใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขปัญหามลภาวะทางสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น มลพิษทางอากาศที่กรุงเทพกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้
และทางภาครัฐได้ส่งเสริมให้ประชาชนให้ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มทางเลือกพลังงาน เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาด ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยคาดหวังว่า ภายในอนาคตประเทศไทยจะมีผู้หันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นถึง 1.2 ล้านคัน
สำหรับการจัดพิธีครั้งนี้ ก็ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานต่างๆได้แก่ 1. หน่วยงานทางภาครัฐ เช่น กระทรวงพลังงาน กรมควบคุมมลพิษ 2. รัฐวิสาหกิจ เช่น การไฟฟ้านครหลวง บริษัท ปตท. จำกัด มหาชน 3. หน่วยงานจากเอกชน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทวอลโว่คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทางบริษัท Haupcar ของเราก็เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมครั้งนี้ด้วย
เรามองเห็นถึงอนาคตที่ประเทศไทยจะหันมาใช้รถยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการลดมลพิษ ซึ่งความตั้งใจของเรา คือความตั้งใจที่จะสนับสนุนการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธาณะทุกรูปแบบ เพื่อให้ทุกคนมีอิสระในการเดินทางด้วยระบบ Car-Sharing เพื่อเป็นการลดปริมาณรถในท้องถนน รวมถึงลดมลพิษทางอากาศ นอกจากนี้แล้ว ทางฮ้อปคาร์ของเรา ก็พยายามที่จะใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ที่เป็นพลังงานทางเลือก ลดการใช้น้ำมัน ลดการเกิดมลภาวะในท้องถนน
ฮ้อปคาร์ของเรา ต้องการเป็นส่วนหนึ่ง ในการสร้างจิตสำนึกให้คนทุกคนตระหนักถึงปัญหาทางมลภาวะที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเรา ตามสถิติแล้ว การใช้ Car-Sharing 1 คันจะช่วยลดจำนวนรถยนต์ส่วนตัวบนท้องถนนถึีง 5-15 คัน ทำให้มีพื้นที่การจราจรเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้การจราจรบนท้องถนนติดขัดน้อยลงด้วย