
Tesla เดินหน้าเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ด้วยการประกาศเริ่มให้บริการ Robotaxi อย่างเป็นทางการที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส วันที่ 12 มิถุนายน 2025 นี้ ถือเป็นการเปลี่ยนผ่านสำคัญจากธุรกิจรถยนต์ทั่วไป สู่แพลตฟอร์มการขนส่งอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI

บริการ Robotaxi รุ่นแรก: เริ่มด้วย 10 คันในพื้นที่จำกัด
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของ Tesla ยืนยันว่าในระยะเริ่มต้น บริการ Robotaxi จะใช้รถ Tesla Model Y ที่ติดตั้งระบบ FSD (Full-Self Driving) Unsupervised รุ่นใหม่ล่าสุด โดยจะจำกัดพื้นที่การให้บริการ (Geofencing) อยู่ในเขต “ปลอดภัย” ของเมืองออสตินเท่านั้น และไม่มีพนักงานขับรถหรือคนควบคุมภายในรถ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด Tesla จะมีทีมงานควบคุมระบบจากระยะไกลที่สำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย ทำหน้าที่ดูแลและสั่งการในกรณีฉุกเฉินหรือสถานการณ์จราจรซับซ้อน
หากผลลัพธ์เป็นไปด้วยดี Tesla พร้อมขยายทั่วอเมริกา
อีลอน มัสก์กล่าวว่า หากบริการในออสตินประสบความสำเร็จและไม่มีเหตุการณ์ผิดพลาด Tesla มีแผนขยายจำนวนรถเป็น “หลักพันคัน” ภายในไม่กี่เดือน และเตรียมขยายต่อไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ เช่น ลอสแอนเจลิส และ ซานฟรานซิสโก อย่างไรก็ตาม บริการจะยังไม่เปิดให้ใช้งานสาธารณะในทันที โดยจะเริ่มจากการให้สิทธิ์กับกลุ่มผู้ใช้ที่ได้รับเชิญก่อนเท่านั้น
ท้าชนคู่แข่ง Waymo ด้วยแนวทาง “ไร้เซ็นเซอร์”
สิ่งที่ทำให้ Robotaxi ของ Tesla แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Waymo (Alphabet) คือการเลือกใช้ระบบกล้องและ AI แบบ Deep Neural Network แทนการพึ่งพา LiDAR หรือ Radar ซึ่งอีลอน มัสก์มองว่าเป็นอุปกรณ์ราคาแพงและขัดขวางการผลิตในปริมาณมาก
“สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับระบบถนนในอนาคต คือ AI และกล้อง ไม่ใช่เซ็นเซอร์ซับซ้อน” – อีลอน มัสก์ (Elon Musk) กล่าว
ความพร้อมด้านกฎหมายและการตรวจสอบความปลอดภัย
รัฐเท็กซัสถือเป็นหนึ่งในไม่กี่รัฐที่มีกฎหมายเปิดกว้างต่อยานยนต์ไร้คนขับ โดยกำหนดให้รถขับเคลื่อนอัตโนมัติต้องปฏิบัติตามกฎหมายจราจรทั่วไป และมีประกันภัยเหมือนรถทั่วไป อย่างไรก็ตาม เมืองออสตินยังไม่ได้รับรอง Tesla อย่างเป็นทางการในฐานะผู้ให้บริการ AV (Autonomous Vehicle)
ในแง่ความปลอดภัย แม้ว่า Tesla จะมีข้อมูลการใช้งาน FSD ในวงกว้าง แต่บริษัทยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลด้านความปลอดภัยสู่สาธารณะ และระบบช่วยขับของ Tesla ก็เคยเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหลายร้อยครั้งทั่วสหรัฐฯ

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Elon Musk และผลกระทบต่อ Tesla
ขณะนี้อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ยังดำรงตำแหน่งผู้บริหารของ Tesla, SpaceX และ xAI พร้อมเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ซึ่งอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กระทบยอดขายรถ EV ของ Tesla ที่ลดลงถึง 20% ในไตรมาสแรกของปี 2025
อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ชี้แจงว่ายอดขายที่ลดลงเป็นผลจากการปิดสายการผลิตชั่วคราว เพื่ออัปเกรดโรงงานสำหรับผลิต Model Y รุ่นใหม่ ซึ่งขณะนี้กลับมาเปิดสายการผลิตอีกครั้ง และเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับมาเพิ่มขึ้น
Tesla กับยุคใหม่ของการขนส่งอัตโนมัติ
แม้ว่าเส้นทางสู่ “รถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบ” จะยังต้องพิสูจน์ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระยะยาว แต่การเริ่มให้บริการ Robotaxi ในออสตินถือเป็นก้าวสำคัญของ Tesla ที่อาจเปลี่ยนแปลงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปโดยสิ้นเชิง