
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 อุตสาหกรรมรถยนต์จีนได้แสดงศักยภาพทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด รายงานล่าสุดเผยว่า BYD ขึ้นแท่นผู้ผลิตรถยนต์โดยสารที่ทำกำไรสูงสุดของจีน และยังมีถึง 4 แบรนด์ที่ทำกำไรขั้นต้นสูงกว่า Tesla


BYD ทำกำไรทะลุ 1.2 พันล้านดอลลาร์ ทุ่ม R&D เกินกำไรสุทธิ
BYD ทำสถิติรายได้สุทธิในไตรมาสเดียวที่ 9.155 พันล้านหยวน (ราว 1.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 20.7% แซงหน้า Tesla ที่อยู่ที่ 16.3% ในช่วงเวลาเดียวกัน
ที่น่าสนใจคือ BYD ใช้งบวิจัยและพัฒนามากถึง 14.223 พันล้านหยวน (ประมาณ 1.98 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งสูงกว่ากำไรสุทธิที่ทำได้ แสดงถึงกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางเทคโนโลยี

Geely และ SAIC ตามมาติดๆ แม้เน้นผลกำไรแบบสมดุล
Geely ครองอันดับสองด้วยกำไรสุทธิ 5.672 พันล้านหยวน (ราว 791 ล้านดอลลาร์) และอัตรากำไรขั้นต้นที่ 15.78% ใกล้เคียงกับ Tesla ขณะที่ SAIC Group อยู่อันดับสาม กำไร 3.023 พันล้านหยวน (ประมาณ 422 ล้านดอลลาร์) แต่มีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 8.13% เท่านั้น
แม้กำไรน้อยกว่า แต่ทั้งสองค่ายยังคงลงทุนด้าน R&D อย่างจริงจัง โดย SAIC ใช้งบสูงถึง 3.881 พันล้านหยวน ขณะที่ Geely อยู่ที่ 3.328 พันล้านหยวน
Seres ขึ้นแท่นกำไรขั้นต้นสูงสุด จากความสำเร็จของ Aito M9
Seres กลายเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นพุ่งถึง 27.62% จากความนิยมของรุ่น Aito M9 ที่เปิดประตูสู่ตลาดพรีเมียมให้กับแบรนด์จีน
กลุ่มน้องใหม่: Li Auto, Leapmotor, Xpeng กำลังไต่ระดับสู่จุดคุ้มทุน
แม้จะยังไม่มีกำไรสุทธิในระดับสูง แต่แบรนด์หน้าใหม่อย่าง Li Auto, Leapmotor และ Xpeng เริ่มแสดงสัญญาณบวก โดยเฉพาะ Leapmotor และ Xpeng ที่อยู่ห่างจากจุดคุ้มทุนเพียงเล็กน้อย
ยุคทองของรถยนต์ไฟฟ้าจีนยังไม่จบ
แม้ Tesla จะเป็นผู้นำตลาดโลก แต่จีนกำลังขับเคลื่อนการแข่งขันด้วยกลยุทธ์ที่ชัดเจน ทั้งการลงทุนใน R&D และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ตลาดในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และแบรนด์จีนเริ่มส่งสัญญาณพร้อมลุยตลาดโลก
ที่มา: carnewschina, autohome
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
BYD เร่งขยายเครือข่ายชาร์จระดับเมกะวัตต์ทั่วจีน ตั้งเป้า 15,000 สถานีทั่วประเทศ
BYD เปิดตัวเรือบรรทุกลำยักษ์ "Shenzhen" ขน EV บุกตลาดโลกกว่า 9,000 คัน
