เราจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง

Dacia เปิดตัวคอนเซปต์ใหม่ล่าสุดในชื่อ Hipster ที่งาน Paris Motor Show 2025 Dacia Hipster รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีดีไซน์เรียบง่ายและน้ำหนักเบา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์คลาสสิกอย่าง Mini รุ่นแรกและรถ Kei ของญี่ปุ่น ด้วยขนาดกะทัดรัดแต่กว้างขวาง ตัวรถยาวเพียง 3 เมตร กว้าง 1.5 เมตร แต่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน และมีพื้นที่เก็บสัมภาระ 500 ลิตร ซึ่งมากกว่ารถขนาดเล็กทั่วไป น้ำหนักรถเบากว่า Dacia Spring รุ่นปัจจุบันถึง 20% ทำให้ประหยัดพลังงานและลดการปล่อยคาร์บอนครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้าที่ดีที่สุดในตลาด ณ ปัจจุบัน ในด้านเทคโนโลยี Dacia Hipster มาพร้อม มอเตอร์ไฟฟ้าแบบประหยัดพลังงาน ระบบแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้รวดเร็ว และมีอินโฟเทนเมนต์พื้นฐาน ที่เน้นความเรียบง่าย รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน นอกจากนี้ ยังติดตั้งเซ็นเซอร์ช่วยขับ สำหรับการนำทางในเมืองและตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบตัว ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและสะดวกสบายมากขึ้น แนวคิดของ Dacia คือการสร้างรถไฟฟ้าที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน โดยเน้นความเรียบง่ายและใช้วัสดุน้อยที่สุด ภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า "Eco-Smart" ซึ่งหมายถึงการออกแบบที่เน้นความจำเป็น เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เพราะข้อมูลจาก Dacia ระบุว่าผู้ขับรถส่วนใหญ่ในฝรั่งเศสเดินทางไม่เกิน 24 ไมล์ต่อวัน ดังนั้น Hipster สามารถชาร์จไฟเพียงสัปดาห์ละสองครั้งก็เพียงพอ ทำให้รถไฟฟ้าจิ๋วคันนี้ไม่เพียงสวยและคลาสสิก แต่ยังใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน พร้อมกลิ่นอายแรงบันดาลใจจาก Mini และ Kei อย่างชัดเจน รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและความปลอดภัย

หลังจากที่พัฒนา ทดลอง และเตรียมตัวมาหลายปี บริษัท Zoox ของ Amazon ได้เปิดตัวบริการ robotaxi (รถแท็กซี่ไร้คนขับ) ที่พร้อมใช้งานจริงในพื้นที่ลาสเวกัส โดยเริ่มที่ลาสเวกัสสตริป (Las Vegas Strip) และแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงหลายแห่ง เช่น Resorts World Las Vegas, Area15, Topgolf เป็นต้น ในช่วงแรก Zoox ให้บริการขนส่งโดยสารฟรีทั้งหมด เพื่อให้คนทั่วไปได้ทดลองใช้และคุ้นเคยกับรถแบบที่ไม่มีที่นั่งคนขับ (driverless) พร้อมเรียนรู้ “ประสบการณ์ผู้ใช้” ว่ามีความสะดวก ความปลอดภัย และการใช้งานจริงเป็นอย่างไร ฟีเจอร์รถของ Zoox ไม่เหมือนรถแท็กซี่อัตโนมัติธรรมดา ตรงที่ไม่มีที่นั่งคนขับเลย มีที่นั่งแบบ carriage สำหรับผู้โดยสารสี่คน ประตูเลื่อนอัตโนมัติ (automatic doors) เพื่อขึ้นลงโดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสมาก ห้องโดยสารออกแบบให้กว้าง มีระบบปรับอากาศส่วนบุคคล ระบบไฟ และหน้าจอที่แสดงเวลาถึงจุดหมายโดยประมาณ (ETA) รถแบบนี้สามารถวิ่งได้ในสภาพท้องถนนที่มีฝนและในเวลากลางคืนได้ ความเร็วสูงสุดประมาณ 45 ไมล์/ชั่วโมง (ราว 72 กิโลเมตร/ชั่วโมง) อย่างไรก็ตาม Zoox วางแผนที่จะเริ่มคิดค่าบริการ (จ่ายเงิน) สำหรับบริการ robotaxi ในลาสเวกัสในไม่ช้า นอกจากนี้ ยังวางแผนขยายไปยังเมืองใหญ่อื่น ๆ เช่น ซานฟรานซิสโก (San Francisco) ออสติน รัฐเท็กซัส (Austin) และไมอามี (Miami) ในตลาด robotaxi นี้ Zoox ต้องแข่งขันกับบริษัทอื่นที่มีงานด้านนี้อยู่แล้ว เช่น Waymo Tesla Lyft ฯลฯ ทั้งในด้านจำนวนเมืองที่ให้บริการ ประสบการณ์ผู้โดยสาร และต้นทุนการดำเนินงาน สำหรับผู้สนใจ เพียงดาวน์โหลดแอป Zoox แล้วจองคิว ก็สามารถทดลองขึ้นแท็กซี่ไร้คนขับฟรีได้ทันที ช่วงเปิดตัวนี้ถือเป็นโอกาสดีที่จะสัมผัสเทคโนโลยียานยนต์ล้ำสมัยก่อนใคร ชมวิดีโอผู้ใช้งาน Zoox Robotaxi ในลาสเวกัส

บริษัทสตาร์ตอัปสวีเดน Einride AB ประกาศความสำเร็จในการระดมทุนรอบล่าสุด 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มูลค่ากิจการทะยานขึ้นแตะ 1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่รอบก่อนหน้าในปี 2021 มูลค่าบริษัทอยู่ที่ประมาณ 400 ล้านยูโร (ราว 470 ล้านดอลลาร์) กลายเป็นยูนิคอร์นหน้าใหม่ในวงการยานยนต์ไฟฟ้า การลงทุนครั้งนี้มาจากนักลงทุนรายเดิมและรายใหม่ เข้าร่วม รวมถึงกองทุนใหญ่จากสหรัฐฯ และบริษัทเทคโนโลยีอย่าง IonQ ในปีที่ผ่านมา Einride สร้างรายได้จากบริการขนส่งกว่า 47 ล้านดอลลาร์ โดยใช้ทั้งรถบรรทุกไฟฟ้ารุ่น “Peterbilt” ที่ซื้อจากผู้ผลิตรายอื่นและรถระบบอัตโนมัติที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง เป้าหมายของการระดมทุนรอบนี้คือการขยายธุรกิจทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ พร้อมเร่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ล้ำหน้าและใช้งานได้จริงในวงกว้าง จุดที่น่าสนใจที่ทำให้ Einride ถูกจับตามากขึ้นคือ การได้รับอนุญาตให้ใช้รถบรรทุกระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับ 4 (Level 4) บนถนนสาธารณะในยุโรป ซึ่งถือเป็นระดับที่แทบไม่ต้องอาศัยผู้ควบคุมแล้ว นับเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ทั้งในด้านเทคโนโลยีและการยอมรับจากภาครัฐ ความสำเร็จของ Einride ไม่ได้สะท้อนแค่ศักยภาพของสตาร์ทอัปสวีเดนรายนี้ แต่ยังบอกถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบไร้คนขับมากขึ้น เทคโนโลยีนี้อาจช่วยลดต้นทุน เพิ่มความปลอดภัย และลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมหาศาล แต่ก็ยังมีโจทย์ใหญ่เรื่องความเชื่อมั่นของผู้ใช้ ความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ค่าใช้จ่ายในการผลิต เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐานที่จะต้องเดินหน้าควบคู่กันไป