ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนแบบนี้ เรามักจะเห็นหลาย ๆ แบรนด์จัดเทศกาลลดกระหน่ำที่เรียกว่า Black Friday กันอย่างคึกคัก ซึ่งปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน ถือว่าเป็นวันศุกร์หรรษา พร้อมกับศุกร์ลดหระหน่ำกันเลยทีเดียว 🎉
แต่ก่อนจะช้อปเพลินจนเกินงบ ฮ้อปมีตัวช่วยตัดสินใจที่เรียกว่า “กฎ 10-10-10” ให้ไปลองใช้กัน เพื่อจะได้ช้อปแบบสบายใจในวันลดกระหน่ำ ได้ของที่ใช่ และไม่รู้สึกผิดหลังซื้อไป ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเริ่มกันเลย
ทำความรู้จักกับ Black Friday กันก่อน

Black Friday คืออะไร?
Black Friday คือวันลดราคาครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุกปีหลังวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ของทางสหรัฐฯ ซึ่งมักจะตรงกับวันศุกร์สัปดาห์ที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน โดยจะมีการลดราคาสินค้าแบบจัดหนักจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าปลีกหรือร้านค้าออนไลน์ ต่าง ๆ
จุดเริ่มต้นของ Black Friday ทำไมต้องเรียกว่า Black Friday? ทำไมต้องเป็นสีดำ?
จุดกำเนิดของ Black Friday มีที่มาจากเรื่องเล่า บวกกับความเชื่อที่ทำให้เกิดการตีความไปในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งวัน Black Friday เป็นที่รู้จักในฐานะวันแห่งการตามล่าสินค้าราคาถูกและการช้อปแบบบ้าคลั่ง จนกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงยุค 80
หนึ่งในการตีความที่น่าสนใจคือเรื่องการทำบัญชีในสมัยก่อน ที่ร้านค้าจะใช้ หมึกสีแดง เพื่อบันทึกยอดขาดทุน และ หมึกสีดำ เพื่อบันทึกกำไร ซึ่งในช่วงหลังวันขอบคุณพระเจ้า ยอดขายของร้านค้ามักพุ่งสูงจนทำให้บัญชีเต็มไปด้วยหมึกสีดำ ทำให้สีดำกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในธุรกิจ
อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกิดขึ้นในปี 1960 เมื่อตำรวจในฟิลาเดลเฟียเริ่มเรียกวันศุกร์นี้ว่า "Black Friday" เนื่องจากการจราจรติดขัดและความโกลาหลที่เกิดจากฝูงชนจำนวนมากที่ออกมาจับจ่ายใช้สอยหลังวันหยุดสำคัญ
ทำไม Black Friday ถึงไม่ใช้สีอื่น?
สะท้อนความสำเร็จของธุรกิจด้วยน้ำหมึกสีดำ ที่นักบัญชีในสมัยก่อนใช้บันทึกยอดขายให้ร้านค้าแทนสัญลักษณ์ของ กำไร
อารมณ์ของสีดำในเชิงจิตวิทยา สื่อถึงความลึกลับ หรูหรา และพลังอำนาจ ซึ่งดึงดูดใจผู้บริโภคได้ดี การใช้สีดำทำให้วันลดราคานี้ดูพิเศษและจริงจัง
สีดำช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้ต่างจากเทศกาลลดราคาอื่น ๆ เช่น Cyber Monday ที่ดูทันสมัยและเชื่อมโยงกับเทคโนโลยี
สัปดาห์สุดท้ายของเดือน Black Friday เป็นสวรรค์ของการช้อปยังไง?
มีโปรโมชันสินค้าลดราคาหลากหลายหมวด ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า แฟชั่น ไปจนถึงบริการต่าง ๆ
เป็นโอกาสที่นักช้อปจะได้ของขวัญในราคาคุ้มค่าสำหรับเทศกาลปลายปี
บางแบรนด์มักขยายโปรโมชันต่อเนื่องเป็น Black Week เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าลดราคา

จะทำยังไงดี เห็นส่วนลดแล้วมันล่อตาล่อใจ จนอยากได้ไปหมด มาลองช้อปปิ้ง Black Friday ไม่ให้เพลินจนเกินงบ ด้วยกฎ 10-10-10 กัน
จุดเริ่มต้นของกฎ 10-10-10
กฎ 10-10-10 เป็นแนวคิดที่ช่วยในการตัดสินใจจาก Suzy Welch นักเขียนชื่อดังและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ โดยใช้เวลาเป็นตัวกรองความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ เพื่อลดความลังเลหรืออารมณ์ชั่ววูบในการเลือกสิ่งต่าง ๆ ซึ่งหลักการนี้ไม่เพียงช่วยในการตัดสินใจเรื่องทั่วไป แต่ยังนำมาใช้กับการช้อปปิ้งในช่วง Black Friday ได้อีกด้วย
ข้อดีของการใช้กฎ 10-10-10 ในการช้อปปิ้ง
เป็นเครื่องมือช่วยให้มองภาพใหญ่ ไม่ติดอยู่กับความเร่งรีบในช่วงเวลานั้น
ลดความรู้สึกเสียดายหรือความรู้สึกผิดที่อาจเกิดขึ้นหลังซื้อ
ทำให้เลือกสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองในระยะยาวมากขึ้น
3 คำถามของกฎ 10-10-10
Suzy Welch ได้คิดค้นกฎนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยให้คนตัดสินใจในเรื่องที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น โดยการตั้งคำถามง่าย ๆ กับตัวเอง 3 คำถาม คือ
10 นาทีแรก เรารู้สึกยังไงหลังจากการตัดสินใจนั้น
10 เดือนต่อจากนี้ เรารู้สึกยังไงกับการตัดสินใจนั้น
10 ปีหลังจากนี้ สิ่งที่เราตัดสินใจเลือกจะยังคุ้มค่าไหม
ทริคการนำไปช้อป Black Friday
1. 10 นาที
ถามตัวเองว่า “ตอนนี้อยากได้ของชิ้นนี้จริง ๆ หรือแค่เพราะเห็นว่าลดราคา?” บางทีการเห็นตัวเลข % ลด อาจทำให้หลงซื้อโดยไม่ได้ไตร่ตรอง
2. 10 เดือน
คิดว่าอีก 10 เดือนข้างหน้ายังจะใช้หรือชอบของชิ้นนี้อยู่ไหม เช่น เสื้อผ้าตามแฟชั่น หรือสิ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์บ่อย ๆ
3. 10 ปี
มองในระยะยาวว่า ของชิ้นนี้จะมีผลกระทบต่อการเงิน ชีวิต หรือความสุขอย่างไร เช่น การซื้อสินค้าที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ตัวอย่างการช้อปปิ้งโดยใช้กฎ 10-10-10
อยากซื้อเครื่องครัวใหม่มาทำอาหารที่บ้าน
10 นาทีแรก “น่าจะคุ้มค่า เพราะทำอาหารบ่อยและชอบอุปกรณ์ที่ช่วยให้สะดวกขึ้น”
10 เดือนต่อจากนี้ “ยังคงใช้งานได้ดี และช่วยประหยัดเวลาในการทำอาหารจริงๆ”
10 ปีต่อจากนี้ “อุปกรณ์นี้น่าจะยังใช้ได้อยู่ ถ้าคุณภาพดี และยังช่วยให้การทำอาหารเป็นเรื่องสนุกเหมือนเดิม”
อยากซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นตามกระแส
10 นาทีแรก “ชุดนี้สวยมาก! แต่ฉันมีชุดแนวนี้อยู่แล้ว”
10 เดือนต่อจากนี้ “อาจจะไม่ได้ใส่แล้ว เพราะแฟชั่นเปลี่ยนไปเร็ว”
10 ปีต่อจากนี้ “แทบจำไม่ได้ว่าชุดนี้เคยอยู่ในตู้เสื้อผ้าฉัน”
กฎ 10-10-10 จะช่วยให้เรามองภาพรวมของการช้อปปิ้งในช่วงลดราคาได้ดี ก่อนตัดสินใจกดสั่งของ ลองหยุดคิดกันสักนิด เพื่อให้ได้ของที่ใช่ คุ้มค่า และไม่ต้องมานั่งเสียดายภายหลัง ฮ้อปขอให้ทุกคนมีความสุขกับการช้อปปิ้งครับ 🛒🛍️🩵
Start by looking into and locating trustworthy websites or tutoring centers that provide help with " take my statistics exam for me " Seek out service providers that have a history of providing high-quality educational assistance, reputable reviews, and knowledgeable tutors. Use the contact details or web page to get in touch with the chosen service provider. Tell them you're interested in signing up for their service and ask for details on availability, cost, and registration procedure. After getting in touch with the supplier of the service, give them all the information they need to know about your web-based statistics course. This could contain the name of the course, the course schedule, details provided in the textbook, the password for the virtual classroom, and any particular guidelines or demands from your teacher. Spend some time talking about your unique requirements, objectives, and expectations. This could entail stating how you like to learn as well as pace, recognizing points of difficulty, and explaining your level of statistical competence.
MewingEmoji.org is simply amazing. From a vast array of emojis to beautiful DP images and wallpapers, this website is a goldmine. The God DP section is my personal favorite, and the quotes always leave me feeling inspired. It’s the ultimate site for personalization and positivity!